ข่าวสารและบทความ
CRL กับพลังงานรถไฟฟ้า
ในปัจจุบัน ปัญหาฝุ่นPM 2.5 เป็นปัญหาใหญ่ที่ทุกๆคนได้รับผลกระทบ ซึ่งอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ถือเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ผลิตและปล่อยก๊าซเรือนกระจกซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของปัญหาสภาพภูมิอากาศขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศมากเป็นลำดับต้นๆ จากข้อมูล Climate Watch ของ World Resource Institute ระบุว่า อุตสาหกรรมขนส่งและโลจิสติกส์ทั่วโลกมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุดเป็นอันดับ 3 หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 16% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดโดยการขนส่งทางถนนคิดเป็นสัดส่วนที่มากที่สุด
โดยการเปลี่ยนไปใช้รถพลังงานไฟฟ้าของอุตสาหกรรมขนส่งและโลจิสติกส์นั้นมีปัจจัยสนับสนุนหลายประการไม่ว่าจะเป็นการให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมของนักลงทุนที่ส่งผลให้ภาคธุรกิจต้องปรับเปลี่ยนกิจกรรมในการดำเนินธุรกิจอย่างจริงจัง นอกจากนี้ การใช้รถพลังงานไฟฟ้าไม่เพียงแต่จะผลดีต่อสิ่งแวดล้อม ยังสามารถช่วยลดต้นทุนการดำเนินธุรกิจให้กับบริษัทจากการลดค่าใช้จ่ายทั้งด้านน้ำมันเชื้อเพลิงและการบำรุงรักษาประโยชน์การใช้รถEV
ทางCRLได้ให้ความสำคัญที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และลดผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม
จึงได้มีการใช้รถพลังงานไฟฟ้าซึ่งเป็นแนวทางสำคัญที่สามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซเรือนกระจกอื่นๆ ที่เกิดขึ้นจากกิจกรรมการขนส่งและโลจิสติกส์ได้ ในการขนส่งสินค้าไปยังสาขาในกรุงเทพและปริมณฑล เริ่มตั้งแต่ปี2565 และมีแผนที่จะขยายการใช้รถEV มอเตอร์ไซค์ รถบรรทุก4ล้อ 6ล้อและ14 ล้อ ให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น
การนำรถพลังงานไฟฟ้ามาใช้ในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์จะมีทิศทางการเติบโตที่ดี แต่การจะยกระดับไปสู่โลจิสติกส์แบบเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้อย่างสมบูรณ์แบบนั้น อาจจะต้องใช้เวลาในเรื่องเทคโนโลยีของแบตเตอรี่ และสถานีชาร์จ เพื่อรองรับในการขนส่งระยะไกล ไม่ต้องเสียเวลาการขนส่งไปกับการจอดชาร์จ และตำแหน่งที่ตั้งของสถานีชาร์จให้เพิ่มขึ้นเพียงพอครอบคลุมในเส้นทางการเดินทาง
Maneethip P.